พืชสมุนไพร ประเภท ยาแก้อักเสบ ปวดบวม

ชองระอา
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Barleriaiupulina Lindl.ชื่อวงศ์ : ACANTHACEAE
ชื่ออื่น : เสลดพังพอน, เสลดพังพอนตัวผู้
รูปลักษณะ : ชองระอา เป็นไม้พุ่ม สูงประมาณ 1 เมตร มีหนามแหลมยาวข้อละ 2 คู่ กิ่งก้านสีน้ำตาลแดง ใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม รูปใบหอกยาวหรือ รูปขอบขนาน กว้าง 1.8-2.5 ซม. ยาว 6-12 ซม. ผิวใบเรียบมัน สีเขียวเข้ม เส้นกลางใบสีแดง ดอกช่อ ออกที่ปลายกิ่ง ยาวประมาณ 8 ซม. ใบประดับค่อนข้างกลม สีน้ำตาลแดงขนาดใหญ่ กลีบดอกสีเหลืองส้ม โคนเชื่อมติดเป็นหลอด ปลายแยกเป็น 2 ปาก ปากบนมีกลีบขนาดใหญ่ 4 กลีบ กลีบล่างเล็กกว่า มี 1 กลีบ ผล เป็นฝัก รูปไข่
สรรพคุณของ ชองระอา : ใบใช้ตำละเอียดผสมเหล้า พอกหรือทา ถอนพิษอักเสบจากแมลงสัตว์กัดต่อยและเริม ราก ใช้ฝนกับเหล้าทาถอนพิษตะขาบ

ทองหลาง
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Indian Coral Tree, Erythrina variegata Linn.ชื่อวงศ์ : FABACEAE
ชื่ออื่น : ทองบ้าน
รูปลักษณะ : ทองหลาง เป็นไม้ยืนต้น ผลัดใบ สูง 10-15 เมตร ใบประกอบ มีใบย่อย 3 ใบ เรียงสลับ ใบย่อยรูปไข่ หรือรูปแกมไข่สี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน ดอกช่อ ออกที่ปลายกิ่ง กลีบดอกสีส้มหรือแดง รูปดอกถั่ว ผล เป็นฝักยาวคอดเป็นข้อๆ สีน้ำตาลเข้ม เมล็ดสีแสด
สรรพคุณของ ทองหลาง : ใบ ใช้ใบแก่สดรมควัน ชุบน้ำสุกปิดแผล และเนื้อร้ายที่บวม ดูดหนองให้ไหลออกมา และทำให้แผลยุบ ใบคั่วใช้เป็นยาเย็น ดับพิษ บดทาแก้ข้อบวม

ผักคราดหัวแหวน
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Para Cress, Spilanthes acmella Murr.ชื่อวงศ์ : ASTERACEAE
ชื่ออื่น : ผักคราด, ผักตุ้มหู, ผักเผ็ด
รูปลักษณะ : ผักคราดหัวแหวน เป็นไม้ล้มลุก สูง 30-40 ซม. ลำต้นค่อนข้างกลม อวบน้ำ อาจมีสีม่วงแดง ต้นทอดเลื้อยไปตามพื้นดิน ใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม รูปสามเหลี่ยม กว้าง 3-4 ซม. ยาว 3-6 ซม. ขอบใบหยักฟันเลื่อย ดอกช่อ ออกที่ซอกใบ รูปกรวยคว่ำ สีเหลืองอ่อน ผลแห้ง รูปไข่
สรรพคุณของ ผักคราดหัวแหวน : ต้น ใช้ต้นสดตำผสมเหล้า หรือน้ำส้มสายชู อมแก้ฝีในลำคอ หรือต่อมน้ำลายอักเสบ ทำให้ลิ้นชา แก้ไข้ ยาพื้นบ้านใช้อุดแก้ปวดฟัน พบว่าใบ ช่อดอก และก้านช่อดอกมีสาร Spilanthol ซึ่งมีฤทธิ์เป็นยาชาเฉพาะที่ การทดลองฤทธิ์ชาเฉพาะที่ในสัตว์ และคนปกติ โดยใช้สารสกัดทั้งต้นด้วยแอลกอฮอล์เทียบกับยาชา Lidocaine พบว่าได้ผลเร็วกว่า แต่ระยะเวลาการออกฤทธิ์สั้นกว่า อยู่ระหว่างการวิจัย เพื่อใช้เป็นยาชาอุดแก้ปวดฟัน

มะกอก
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Hog Plum, Spondias pinnata (Linn. f.) Kurzชื่อวงศ์ : ANACARDIACEAE
ชื่ออื่น : กอกกุก, กูก, กอกเขา
รูปลักษณะ : มะกอก เป็นไม้ยืนต้น สูง 15-25 เมตร กิ่งก้านมีช่องอากาศ กระจัดกระจาย ใบประกอบรูปขนนก เรียงสลับ ใบย่อย 9-13 ใบ รูปวงรีแกมไข่กลับ กว้าง 3-4 ซม. ยาว 7-12 ซม. ใบย่อยบริเวณโคนต้น ฐานใบเบี้ยว ดอกช่อแยกแขนง ออกที่ปลายกิ่ง หรือซอกใบของกิ่งที่ใบร่วง ดอกย่อยจำนวนมาก ขนาดเล็ก สีขาวครีม ผลเป็นผลสด รูปไข่ มีเนื้อฉ่ำน้ำ
สรรพคุณของ มะกอก : ใบ ใช้น้ำคั้นจากใบหยอดแก้ปวดหู ผล เปลือก ใบ กินเป็นยาบำรุงธาติ ช่วยให้ชุ่มคอ แก้กระหายน้ำ เลือดออกตามไรฟัน เนื้อ เนื้อในผลแก้ธาติพิการ เพราะน้ำดีไม่ปกติ และกระเพาะอาหารพิการ แก้บิด ใบ แก้ปวดท้อง

มะขวิด
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Elephant's Apple, Wood Apple, Kavath, Gelingga, Feronia limonia Swing.ชื่อวงศ์ : RUTACEAE
ชื่ออื่น : มะฟิด
รูปลักษณะ : มะขวิด เป็นไม้ยืนต้น สูง 6-10 เมตร ใบประกอบแบบขนนก เรียงสลับ ใบย่อย 5 หรือ 7 ใบ บางครั้งมี 3, 6 หรือ 9 ใบ รูปขอบขนานแกมไข่กลับ กว้าง 0.5-1 ซม. ยาว 1.5-4.5 ซม. เนื้อใบมีต่อมน้ำมันกระจายอยู่ที่บริเวณขอบใบ ดอกช่อ ออกที่ปลายกิ่ง หรือซอกใบ ประกอบด้วยดอกตัวผู้ และดอกสมบูรณืเพศอยู่ในต้นเดียวกัน กลีบดอกสีเหลืองแกมเขียวเจือด้วยสีแดง ผลสด รูปทรงกลม เมื่อสุกสีเทาแกมน้ำตาล
สรรพคุณของ มะขวิด : ใบ ตำพอกหรือทาแก้ปวดบวม รักษาผี และโรคผิวหนังบางชนิด แก้ท้องเสีย แก้ตกเลือด และห้ามระดู พบว่าสารสกัดใบยับยั้ง การเจริญเติบโตของเชื้ออหิวาตกโรค ในหลอดทดลอง

รางจืด
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Thunbergia laurifolia Linn.ชื่อวงศ์ : THUNBERGIACEAE
ชื่ออื่น : กำลังช้างเผือก, ขอบชะนาง, เครือเขาเขียว, ยาเขียว, คาย, รางเย็น, ดุเหว่า, ทิดพุด, น้ำนอง, ย่ำแย้, แอดแอ
รูปลักษณะ : รางจืด เป็นไม้เถาเนื้อแข็ง ใบเดี่ยว รูปขอบขนานหรือรูปไข่ กว้าง 4-7 ซม. ยาว 8-14 ซม. ขอบใบเว้าเล็กน้อย ดอกช่อ ออกที่ปลายกิ่ง กลีบดอกสีม่วงแกมน้ำเงิน ใบประดับสีเขียวประสีน้ำตาลแดง ผลแห้ง แตกได้
สรรพคุณของ รางจืด : ใบสด ใช้คั้นน้ำ แก้ไข้ ถอนพิษต่างๆ ในร่างกาย เช่น อาการแพ้อาหาร เป็นต้น การทดลองเพื่อใช้แก้พิษที่เกิดจากยาฆ่าแมลงโพลิดอลในสัตว์ ได้ผลดีพอควร สรุปได้ว่าอาจใช้น้ำคั้นใบสดให้ผู้ป่วยที่กินยาฆ่าแมลง ดื่มเป็นการปฐมพยาบาล ก่อนนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลได้ แต่จะไม่ให้ผลในการกินเพื่อป้องกัน ก่อนสัมผัสยาฆ่าแมลง

ว่านหางช้าง
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Black Berry Lily, Leopard Flower, Belamcanda chinensis (Linn.) DC.ชื่อวงศ์ : IRIDACEAE
ชื่ออื่น : ว่านมีดยับ
รูปลักษณะ : ว่านหางช้าง เป็นไม้ล้มลุก สูง 0.6-1.2 เมตร มีเหง้าเลื้อยตามแนวขนานกับพื้นดิน ใบเดี่ยว แทงออกจากเหง้า เรียงซ้อนสลับ กว้าง 2-3 ซม. ยาว 30-45 ซม. เนื้อใบค่อนข้างหนา ดอกช่อ ออกที่ปลายยอด กลีบดอกสีส้มมีจุดประสีแดงกระจาย ผลแห้ง เมื่อแก่จะแตกอ้า และกระดกกลับไปด้านหลัง
สรรพคุณของ ว่านหางช้าง : ใช้เป็นยาระบาย แก้ระดูพิการ เหง้า ตำราจีนใช้เหง้าเป็นยาแก้ไอ ขัเสมหะ ยาถ่าย แก้ไข้ บำรุงธาติ พบว่ามีสารบางชนิดที่เป็นพิษ จึงควรระวังในการใช้กิน การทดลองกับผู้ป่วย พบว่าน้ำต้มเหง้า ใช้ชะล้างแก้อาการผื่นคันได้ผลดี

เทียนบ้าน
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Garden Balsam, Impatiens balsamina Linn.ชื่อวงศ์ : BALSAMINACEAE
ชื่ออื่น : เทียนดอก, เทียนสวน
รูปลักษณะ : เทียนบ้าน เป็นไม้ล้มลุก สูง 20-70 เมตร ลำต้นอวบน้ำ และค่อนข้างโปร่งแสง ใบเดี่ยว เรียงสลับเวียนรอบต้นรูปวงรี กว้าง 2-4 ซม. ยาว 6-10 ซม. ขอบใบหยักฟันเลื่อย ดอกเดี่ยว หรือช่อ 2-3 ดอก ออกที่ซอกใบ มีสีต่างๆ เช่น ขาว ชมพู แดง ม่วง ผลแห้ง รูปรี เมื่อแก่จัดจะแตกเป็นริ้วตามยาว ม้วนขมวด ดีดเมล็ดกลมสีน้ำตาลออกมา
สรรพคุณของ เทียนบ้าน : ใบ ใช้ใบสดตำละเอียดพอกแก้เล็บขบ รักษาฝีหรือแผลพุพอง น้ำคั้นใบสด ใช้ย้อมผมแทนใบเทียนกิ่ง แต่เวลาใช้ต้องระวัง เพราะสีจะติดเสื้อผ้า และร่างกาย มีรายงานว่าสารสกัดแอลกอฮอล์ของใบมีสาร Lowsone ซึ่งสามารถฆ่าเชื้อราที่ทำให้เป็นโรคกลาก และฮ่องกงฟุตได้

เสม็ด
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cajuput Tree, Paper Bark Tree, Swamp Tea, Milk Wood, Melaleuca cajuputi Powell (M. leucadendra Linn. var.minor Duthie)ชื่อวงศ์ : MYRTACEAE
ชื่ออื่น : เม็ด, เหม็ด, เสม็ดขาว
รูปลักษณะ : เสม็ด เป็นไม้ยืนต้น เปลือกต้นมักล่อนเป็นแผ่นคล้ายเยื่อกระดาษ สูงได้ถึง 15 เมตร กิ่งก้านห้อยลง ใบเดียว เรียงสลับ รูปวงรี แกมขอบขนาน หรือรูปใบหอก กว้าง 0.5-1 ซม. ยาว 4-8 ซม. ดอกช่อ ออกที่ปลายกิ่ง ห้อยหัวลง ดอกย่อยเรียงเป็นวง กลีบดอกสีขาว เกสรตัวผู้มีจำนวนมาก ผลแห้ง แตกได้ มี 3 พู
สรรพคุณของ เสม็ด : ใบ ใช้น้ำมันที่กลั่นได้จากใบสดทาแก้เคล็ด เมื่อย ปวด บวม

ไพล
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Zingiber purpureum Rosc.ชื่อวงศ์ : ZINGIBERACEAE
ชื่ออื่น : ปูลอย, ปูเลย, ว่านไฟ
รูปลักษณะ : ไพล เป็นไม้ล้มลุก สูง 0.7-1.5 เมตร มีเหง้าใต้ดิน เปลือกนอกสีน้ำตาลแกมเหลือง เนื้อในสีเหลืองแกมเขียว มีกลิ่นเฉพาะ แทงหน่อ หรือลำต้นเทียมขึ้นเป็นกอ ประกอบด้วยกาบ หรือโคนใบหุ้มซ้อนกัน ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปขอบขนานแกมใบหอก กว้าง 3.5-5.5 ซม. ยาว 18 -35 ซม. ดอกช่อ แทงจากเหง้าใต้ดิน กลีบดอกสีนวล ใบประดับสีม่วง ผลแห้ง รูปกลม
สรรพคุณของ ไพล : เหง้า ใช้เหง้าสดเป็นยาภายนอก โดยฝนทาแก้เคล็ดยอก ฟกบวม เส้นตึง เมื่อยขบ เหน็บชา สมานแผล จากการวิจัยพบว่า ในเหง้ามีน้ำมันหอมระเหย ซึ่งมีคุณสมบัติลดอาการอักเสบ และบวม จึงมีการผลิตยาขึ้ผึ้งผสมน้ำมันไพล เพื่อใช้เป็นยาทาแก้อาการเคล็ดขัดยอก น้ำมันไพลผสมแอลกอฮอล์ สามารถทากันยุงได้ ใช้เหง้ากินเป็นยาขับลม ขับประจำเดือน มีฤทธิ์ระบายอ่อนๆ แก้บิด สมานลำไส้ นอกจากนี้พบว่าในเหง้ามีสาร 4-(4-Hydroxy-1-Butenyl)Veratrole ซึ่งมีฤทธิ์ขยายหลอดลม ได้ทดลองใข้ผงไพลกับผู้ป่วยเด็กที่เป็นหิด สรุปว่าให้ผลดี ทั้งในรายที่มีอาการหอบหืดแบบเฉียบพลัน และเรื้อรัง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น